จดบริษัทประหยัดภาษี

ขายแบบบุคคลธรรมดาหรือจดบริษัทดี!? ต้องจดเป็นบริษัทหรือ หจก.หรือไม่? ถ้าจดจะยุ่งยากไหม?

ขายแบบบุคคลธรรมดาดี หรือจะจดเป็นบริษัทจะประหยัดภาษีกว่าไหม? ต้องดูจากอะไร?

หลายคนที่ยังซื้อขายในนามบุคคลธรรมดา ทั้งมือใหม่และมือเก่า ปีนี้ก็คงต้องจัดการเรื่องภาษีให้ดี เราจะทำอย่างไรให้ได้ประโยชน์ทางด้านภาษีให้มากที่สุด? เพราะรัฐเองก็พยายามให้ผู้ประกอบการรายย่อยเข้าสู่ระบบภาษีอย่างถูกต้อง เรียกว่าจูงใจให้มาเสียภาษีอย่างถูกต้องเพราะยังไงทางหน่วยงานราชการก็สามารถตรวจสอบเงินได้ของเราได้อย่างไม่ยากเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ทางธนาคารก็มีหน้าที่แจ้งธุรกรรมของเราให้กับทางราชการทราบโดยเฉพาะท่านที่มีการขายสินค้าจำนวนมากชิ้นต่อวัน มีการทำธุรกรรมจำนวนมากก็คงหลีกเลี่ยงที่จะเข้าสู่ระบบภาษีไม่ได้

แต่เราจะดูอย่างไรว่าถ้ากิจการเราดีขนาดไหนแล้วเราควรจะจดจัดตั้งเป็นนิติบุคคลซึ่งอาจจะเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนจำกัด (รายละเอียดสามารถดูจากลิ้งค์วีดีโอเพิ่มเติมข้างล่างนี้หรือตอนจบวีดีโอนี้ได้ครับ)

สิ่งที่ท่านต้องทำก่อนอื่นเลยคือเรียนรู้ด้านการทำบัญชีนะครับ เดี๋ยวนี้ software ด้านการบัญชีที่ให้ใช้ฟรีมีมากมาย

เพราะอย่างไรท่านก็ต้องทำบัญชีสำหรับตัวท่านเองเพื่อจะได้รู้ว่าท่านมีกำไรหรือขาดทุนเท่าไหร่อย่างไร จะปรับปรุงค่าใช้จ่ายส่วนไหนได้ ทั้งหมดนี้ก็มาจากการทำบัญชีนั่นแหละครับ หลายคนคงไม่ชอบไม่อยากที่จะเรียนรู้ด้านบัญชี หรืออาจจะเอาเอกสารบัญชีส่งให้ทางบริษัทรับทำบัญชีก็แล้วแต่ แต่ท่านจำเป็นต้องเรียนรู้ด้านบัญชีไม่มากก็น้อยนะครับเพื่อจะได้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับธุรกิจของท่านอยู่บ้าง ศัพท์ทางบํญชีหลายๆตัวท่านต้องเข้าใจ อะไรคือค่าใช้จ่ายต้องห้าม ท่านจะได้ไม่เข้าใจผิดทำให้ท่านต้องเสียภาษีมากกว่าจำเป็นต้องมาทะเลาะกับสำนักบัญชีทีหลัง ผมเปรียบเทียบก็เหมือนการเรียนภาษาอังกฤษครับ ถ้าท่านเข้าใจภาษาทางบัญชีมาก ท่านก็จะได้เรียนรู้อะไรอีกมาก

กลับมาเรื่องที่ว่าท่านควรจะมีกำไรเท่าไหร่หรือดูอย่างไรว่าท่านจะสามารถประหยัดภาษีได้มากกว่าหากท่านจดเป็นรูปแบบนิติบุคคลอย่างเช่นเปิดเป็นบริษัท ซึ่งการจดจัดตั้งบริษัทใช้ค่าใช้จ่ายไม่ถึง 1 หมื่นบาทและใช้เวลาน้อยกว่า 1 เดือนท่านก็จะได้เป็นเจ้าของบริษัทแล้ว แต่การที่ท่านเป็นเจ้าของบริษัท ท่านก็มีหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติตามมา เพราะฉะนั้นเราจะมาดูว่าสิ่งไหนเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าท่านควรจะจดจัดตั้งเป็นรูปบริษัทแล้ว?

สิ่งแรกที่ต้องดูคือยอดขายนะครับ ถ้าหากยอดขายของท่านยังน้อยอยู่ การจัดตั้งเป็นรูปบริษัทอาจจะยังไม่ค่อยจำเป็นเท่าไหร่เพราะอาจจะไม่คุ้มกับค่าใช้จ่ายในการทำงบการเงิน การปิดบัญชี การที่ท่านต้องทำบัญชีให้ถูกต้อง การตรวจสอบบัญชี และการถูกตรวจสอบโดยสรรพากร เป็นต้น แต่ถ้าท่านที่อยากจะจัดตั้งเป็นบริษัทเพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งนะครับ อาจจะเปิดไว้และทำการจัดทำงบการเงินให้ถูกต้อง จุดนี้ผมเคยเน้นในวีดีโอก่อนๆแล้วนะครับว่าให้เลือกสำนักบัญชีที่เก่งๆจะช่วยท่านประหยัดภาษีได้มาก อย่าเอาญาติพี่น้องที่ยังมือใหม่มาเพราะอาจจะทำให้ท่านพลาดเสียภาษีจำนวนมากได้เหมือนที่คนรู้จักผมเคยโดน ผมเน้นมากๆเพราะผมเองก็ใช้สำนักบัญชีระดับผู้ตรวจสอบบัญชี โดยเฉพาะถ้าเป็นบริษัทบัญชีที่มีประสบการณ์ตรงในด้านธุรกิจที่ท่านทำอยู่ก็ยิ่งจะช่วยท่านได้มาก เพราะบางสำนักบัญชีในปัจจุบันก็อาจจะยังตามไม่ทันการเปลี่ยนแปลงยุคดิจิตอลที่มีการซื้อขายออนไลน์ก็มีเยอะครับ ดังนั้นถ้าท่านจะเลือกสำนักบัญชีขอให้ท่านไปสัมภาษณ์ความสามารถของสำนักบัญชีนั้นๆให้ชัวร์ก่อนนะครับก่อนท่านจะฝากชีวิตทางด้านการเงินการบัญชีของท่านไว้กับทางสำนักบัญชีนั้น ผมเน้นย้ำเลยครับว่าสำคัญมากที่สุด

หากมาดูด้านตัวเงินแล้วท่านมียอดขายเกิน 1 ล้านบาทต่อปีก็ต้องมาดูว่าธุรกิจที่ท่านทำอยู่นั้นเป็นธุรกิจประเภทไหน มีกำไรประมาณกี่เปอร์เซ็นต์ของราคาขายนะครับ ที่ผมบอกว่า 1 ล้านบาทนั้นก็เพราะใบบางธุรกิจท่านจะได้รับประโยชน์ทางภาษีมากกว่าหากท่านจดเป็นรูปนิติบุคคลครับ กรณีที่ท่านไม่สามารถหาต้นทุนมาได้อีกกรณีหนึ่งคือถ้าท่านให้บริการ เช่น เป็นพิธีกร เป็นผู้ให้บริการถ่ายรูป เขียนเว็บ หรือเป็นผู้สอนที่รับเงินแบบหัก ณ ที่จ่าย แล้วละก็ การเป็นบุคคลธรรมดาอาจจะดีกว่าเพราะหักแบบเหมาจ่ายได้มากกว่ากรณีรับเงินเข้าบริษัทที่ท่านตั้งขึ้นเพราะท่านต้องหาค่าใช้จ่ายมาเพื่อเป็นต้นทุนในการบริหารของบริษัทท่านซึ่งค่อนข้างยากที่จะหาต้นทุนมาให้ได้เกิน 60% ของยอดรายรับของท่าน

สำหรับเรื่องภาษีมูลค่าเพิ่มหากท่านมียอดขายเกินเดือนละแสนกว่าบาทขึ้นไปแล้วละก็ท่านก็ควรจะรีบจดไว้แต่เนิ่นๆครับซึ่งการจดก็ทำได้ง่ายแต่ท่านก็มีหน้าที่ทำบัญชีและนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มให้สรรพากรซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร หากท่านยังไม่จดแล้วมียอดขายดีในครึ่งปีหลังก็อาจจะทำให้ท่านมีปัญหาจากเรื่องภาษีมูลค่าเพิ่มได้เพราะอย่าลืมว่าภาษีมูลค่าเพิ่มนั้นท่านมีหน้าที่แทนสรรพากรในการเรียกเก็บจากลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าท่านซื้อสินค้ามาขายแบบมี VAT อยู่แล้วท่านก็สามารถนำมาเครดิตภาษีหักลบกับ VAT ที่ท่านเรียกเก็บจากลูกค้าท่านแทนสรรพากรได้

ทั้งหมดนี้ก็เป็นไอเดียสำหรับท่านที่กำลังมียอดขายเติบโตขึ้นแล้วยังกังวลเรื่องว่าจะจดจัดตั้งเป็นนิติบุคคลเช่นบริษัทดีหรือว่ายังไม่น่าจดให้ยุ่งยากดีนะครับ ท่านสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้จากวีดีโอนี้ที่ผมทำไว้ก่อนหน้านี้นะครับและถ้าท่านมีคำถามอย่างไรผมก็ยินดีตอบให้ครับ

Leave a Reply

Your email address will not be published.